อะฟลาทอกซิน' 

อะฟลาทอกซิน' พิษก่อโรคมะเร็งรุนแรงในอาหารแห้ง

คนที่ได้รับอะฟลาทอกซิน โดยมากจะไม่มีอาการในช่วงแรกๆจะมาออกอาการเมื่อมีการเรื้อรังแล้วเป็นรับประทานอาหารที่มีการแปดเปื้อนของเชื้อราแล้วเชื้อรานั้นสร้างสารอะฟลาทอกซิน นำไปสู่การอักเสบของตับแบบเรื้อรัง เกิดภาวะโรคตับแข็ง เกิดโรคมะเร็งตับ และก็อาจมีผลกระทบในด้านที่เสียหายต่ออวัยวะภายใน ได้แก่ ระบบไต หัวใจ

เดี๋ยวนี้อันตรายที่เกิดขึ้นจากด้านการกินของกินของมนุษย์มีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม้กระทั้งวัตถุดิบทางการเกษตรอย่าง ถั่วดิน กุ้งแห้ง ข้าวโพด กระเทียม ที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเห็นว่าเป็นวัตถุดิบปกติ มีความปลอดภัย เนื่องจากว่าเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติซึ่งก็จริง แต่ว่าทราบหรือเปล่าว่าถ้าเกิดการรักษาวัตถุดิบพวกนี้เป็นไปอย่างไม่เหมาะสม บางครั้งอาจจะก่อกำเนิดพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพร่างกายได้ พิษที่ว่าเป็นสาร "อะฟลาทอกซิน" สารก่อโรคมะเร็งที่เป็นอันตรายมากมาย

องค์การอนามัยโลกกำหนดให้สารอะฟลาทอกซินเป็นสารก่อโรคมะเร็งที่รุนแรงมากมาย โดยจำนวนเพียงแค่ 1 ไมโครกรัมสามารถนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ในแบคทีเรียแล้วก็กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคมะเร็งในสัตว์ทดสอบได้ ถ้าได้รับอย่างสม่ำเสมอ

สารอะฟลาทอกซินพบบ่อยได้ในวัตถุดิบทางการเกษตรที่เอามาดัดแปลงแล้วก็เก็บอย่างไม่เหมาะสม เช่น

1. สินค้าชนิดแป้ง

2. สินค้าจากถั่วดิน

3. เม็ดมะม่วงหิมพานต์

4. มันสำปะหลัง

5. ผักแล้วก็ผลไม้อบแห้ง

6. ปลาแห้ง กุ้งแห้ง กะปิ

7. มะพร้าวแห้ง

8. หัวหอมแห้ง กระเทียมแห้ง พริกแห้ง พริกไทย งา

คนที่ได้รับอะฟลาทอกซิน โดยมากจะไม่มีอาการในช่วงแรกๆจะมาออกอาการเมื่อมีการเรื้อรังแล้วหมายถึงทานอาหารที่มีการแปดเปื้อนของเชื้อราแล้วเชื้อรานั้นสร้างสารอะฟลาทอกซิน ก่อให้เกิดการอักเสบของตับแบบเรื้อรัง เกิดภาวะโรคตับแข็ง เกิดโรคมะเร็งตับ และก็อาจมีผลกระทบในทางร้ายต่ออวัยวะภายใน ดังเช่น ระบบไต หัวใจ

การคุ้มครองสารอะฟลาทอกซินทำเป็นโดย

1. เลือกซื้อของกินหรือวัตถุดิบแห้งที่อยู่ในภาวะใหม่ บรรจุภัณฑ์ที่ตามมาตรฐาน ปลอดเชื้อโรครา สะอาด

2. จำเป็นต้องไม่มีกลิ่นเหม็นอับ ส่งกลิ่นเหม็น หรือเปียกชื้น

3. ไม่เก็บอาหารแห้งพวกนั้นไว้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เพราะเหตุว่าจะก่อให้มีการสะสมของเชื้อราได้

4. นำอาหารแห้งพวกนั้นไปผึ่งแดดจัดๆเพราะเหตุว่าความร้อนจาก ufabet แดดจะมีผลให้ความชุ่มชื้นลดน้อยลงเพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดเชื้อราแต่ว่าถ้าเกิดมีเชื้อราแล้วจำต้องทิ้งของกินพวกนั้นเพราะเหตุว่าการผึ่งแดดไม่สามารถที่จะทำลายเชื้อราได้....

"อะฟลาท็อกซิน" ถูกจัดลำดับเป็นสารก่อโรคมะเร็งรุนแรงที่สุดในโลก แถมยังทนไฟได้สูงมากมาย การทำอาหารก็เลยไม่อาจจะทำลายได้ พิษนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากอะไร แล้วก็พวกเราจะสามารถหลบหลีกพ้นได้ยังไง

สาร "อะฟลาท็อกซิน" เป็นพิษที่เกิดขึ้นจากเชื้อราและก็มีการแปดเปื้อนในของกินเยอะที่สุด จนกระทั่งขั้นอาจจะกล่าวว่า ของกินที่เกิดเชื้อราได้ ย่อมได้โอกาสแปดเปื้อนสารอะฟลาท็อกซินได้ แต่ว่าโดยมากแล้วของกินที่พบได้มากว่าแปดเปื้อนอะฟลาท็อกซิน ยกตัวอย่างเช่น สินค้าที่ทำมาจากถั่วดิน นอกจากนั้น ยังเจอในถั่วประเภทอื่นๆรวมทั้งข้าวแล้วก็ข้าวโพด แถมยังเจอในแป้งต่างๆยกตัวอย่างเช่น แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมี่ แป้งมัน และก็ของกินอบแห้งทั้งหลายแหล่ ได้แก่ พริก แห้ง พริกผง พริกไทย งา ปลาแห้ง กุ้งแห้ง กระเทียม หัวหอม ผักรวมทั้งผลไม้อบแห้ง เครื่องเทศ หรือแม้กระทั้งสมุนไพร ชา ชาสมุนไพร และก็กาแฟคั่วบด

อะฟลาท็อกซินได้รับความพอใจมากมายเป็นพิเศษ เนื่องด้วยการ แทงบอลออนไลน์ ทำอาหารด้วยความร้อนปกติ ตัวอย่างเช่น การทอด หุง นึ่ง ต้ม จะไม่อาจจะทำลายพิษอะฟลาท็อกซินให้หมดไปได้ เพราะเหตุว่าพิษนี้สามารถทนไฟไปมากถึง 260 องศาเซลเซียส

หน่วยงานอนามัยโลกจัดระดับความเป็นพิษของสารอะฟลาท็อกซิน ให้เป็น "สารก่อโรคมะเร็ง" ที่รุนแรงที่สุดประเภทหนึ่ง เพราะว่าสารอะฟลาท็อกซินเพียงแค่ 1 ไมโครกรัมสามารถกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ในแบคทีเรีย แล้วก็ก่อให้เกิดโรคมะเร็งในสัตว์ทดสอบได้ เมื่อได้รับโดยตลอด

นอกจากนั้น สารอะฟลาท็อกซินยังสนิทสนมกับมนุษย์มากมาย เพราะว่ามีอยู่ในของกินที่พวกเราบริโภคอยู่วันแล้ววันเล่า แม้ว่าจะไม่ค่อยเจอการเกิดพิษอย่างกระทันหัน เพราะเหตุว่าบริโภคทีละไม่มากมาย แต่ว่าก็เสียงต่อการเกิดพิษสะสม ถ้าร่ายการได้รับเข้าไปเสมอๆ จะเพิ่มการเสี่ยงของการเกิด "โรคมะเร็งตับ" ฉะนั้น พวกเราก็เลยมีความสนใจแล้วก็ตระหนักถึงอันตรายของพิษนี้ เพื่อหาทางคุ้มครองแล้วก็หลบหลีก

จำพวกของอะฟลาท็อกซิน

"อะฟลาท็อกซิน" มีสาเหตุจากเชื้อราในกรุ๊ปแอสเปอร์จิลลัส ฟลาวัส รวมทั้งแอสเปอร์จิลลัส พาราสิว่ากล่าวกัส ซึ่งเจอได้ในของกินที่ยังไม่ผ่านการเปลี่ยนรูปและก็ที่ผ่านการเปลี่ยนรูปแล้ว ตามธรรมชาติอะฟลาท็อกซินมี 4 ประเภท เป็นต้นว่า อะฟลาท็อกซิน จำพวก B1 B2 G1 รวมทั้ง G2 โดยประเภท B1 มีความอันตรายอย่างยิ่งที่สุด

แนะแนวทางหลีกเลี่ยงพิษอะฟลาท็อกซิน

1.เชื้อราที่ฯลฯเกิดของอะฟลาท็อกซินจะเติบโตเจริญในของกินที่ มีความชุ่มชื้นมากมายๆแม้กระนั้นคนซื้อสามารถมองเห็นได้ด้วยตา เนื่องจากจะมีสีเขียวอมเหลือง หรือสีเขียวเข้ม ด้วยเหตุนี้ เมื่อพบว่าของกินมีราสีกระเหม็ดกระแหม่อมเหลือง ควรที่จะนำไปทิ้งในทันทีและก็ห้ามเอามาทำกับข้าวเด็ดขาด

อย่างไรก็แล้วแต่ ผู้ซื้อผู้คนจำนวนมากมีความรู้สึกว่า เพียงแค่เฉือนส่วนที่เป็นเชื้อราออกไป ก็สามารถกินส่วยที่เหลือได้นั้น นับว่าเป็นความนึกคิดที่ไม่ถูก เนื่องจากพิษที่เชื้อราทำขึ้นได้แพร่ระบาดไปทั่วของกินนั้นๆแล้ว การนำมาบริโภคก็เลยเป็นการนำพิษด้วยสู่ร่างกายด้วยวิชาความรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยแท้จริง

2.ของกินที่มีลัษณะทิศทางติดโรคราได้ง่าย พวกเราไม่สมควรซื้อมาเก็บทีละมากมายๆรวมทั้งควรจะซื้อพอเพียงใช้เพียงแค่นั้น นอกจากนั้น จำเป็นต้องรักษาในที่แห้งสนิทและไม่มีความชุ่มชื้น ส่วนวิธีการสำหรับเลือกซื้อผลไม้นั้น ควรจะซื้อในจำนวนน้อยเช่นเดียวกันรวมทั้งเลือกให้มีความสุกรวมทั้งความดิบต่างกัน เนื่องจากว่าถ้าหากซื้อแบบสุกมาทั้งหมดทั้งปวงครั้งเดียว ผลไม้ที่กินไม่ทันบางทีอาจขึ้นราได้

3.ควรจะหลบหลีกถั่วดิน ที่มองเก่า มีความชุ่มชื้นหรือมีกลิ่นหืน เพราะว่าได้โอกาสแปดเปื้อนอะฟลาท็อกซินสูงมากมาย

4.ควรจะเลือกซื้อาหารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีพัสดุมิดชิดแล้วก็สดใหม่

5. ถ้าเกิดสงสัยว่าของกินขึ้นรา ควรจะทิ้งไปให้หมด ส่วนกระดาษหรือกล่องที่สัมผัสของกินขึ้นรา ก็ควรจะทิ้งด้วย เพื่อคุ้มครองการแปดเปื้อนของกินอื่นๆถัดไป

6.ควรจะล้างเครื่องมือเครื่องครัวแล้วก็เขียงให้สะอาด รวมทั้งควรจะซึมซับให้แห้งอยู่เป็นประจำ

Create your website for free! This website was made with Webnode. Create your own for free today! Get started